ในช่วงปีที่ผ่านมา วิกฤตด้านสุขภาพได้สร้างความท้าทายมากมายต่อเศรษฐกิจ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ช่วยเร่งให้เกิดการร่วมมือกันในการสร้างระบบนิเวศที่มาจากการเชื่อมต่อหลายระบบหลายบริการเข้าด้วยกัน (digital ecosystem) รวมทั้งการนำชุมชนมารวมกันและสร้างโอกาสสำหรับคิดค้นต้นแบบนโยบายและข้อบังคับใหม่ๆ และการประยุกต์การเชื่อมต่อที่ครอบคลุมและยืดหยุ่น เพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล ในขณะที่ประเทศไทยกำลังมุ่งยกระดับรายได้ต่อหัวให้ใกล้เคียงกับประเทศที่มีรายได้ปานกลางในระดับสูง และลดอัตราการว่างงาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้หญิง ชาวบ้าน และเยาวชนเป็นพิเศษในช่วงสถานการณ์นิวนอร์มัลนี้ รัฐบาลจึงตระหนักถึงความจำเป็นของการเปลี่ยนจากเศรษฐกิจที่มีเทคโนโลยีต่ำและพึ่งพาการท่องเที่ยวและการเกษตร ไปสู่เศรษฐกิจที่มีความหลากหลายมากขึ้น มุ่งเน้นไปที่ภาคบริการและอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง
ผลการศึกษาของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 ชี้ให้เห็นว่า บรอดแบนด์เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของ GDP ของประเทศ (เมื่อมีการเข้าถึงระบบบรอดแบนด์เพิ่มขึ้น 10% จะทำให้ GDP ต่อหัวเพิ่มขึ้น 1.38% ในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ และเพิ่มขึ้น 0.85% ในประเทศที่พัฒนาแล้ว) นอกจากนี้ ดัชนีรวม (composite index) ที่รวบรวมมิติทั้งหมดของเศรษฐกิจดิจิทัลก็แสดงผลที่คล้ายคลึงกัน คือ การเพิ่มขึ้น 10% ของดัชนีดิจิทัล ทำให้ GDP เพิ่มขึ้น 1.54% สำหรับประเทศในกลุ่ม OECD และ 1% สำหรับประเทศนอกกลุ่ม OECD นอกจากนั้น ดัชนีดิจิทัลยังสัมพันธ์กับการเพิ่มผลผลิตแรงงาน (การเพิ่มขึ้น 1% ในดัชนีดิจิทัลส่งผลต่อการเพิ่มผลผลิตแรงงาน 0.25%) และผลผลิตองค์รวม (การเพิ่มขึ้น 1% ในดัชนีดิจิทัลส่งผลต่อการเพิ่มผลผลิตองค์รวม 0.19%)